บริหารงานโฆษณาออนไลน์ด้วย Google ADS
บริการของ Google Ads

Google Search

Youtube Ads

Display Networks

Remarketing

Shopping Ads

Universal App
Google Ads คือ แพลตฟอร์มโฆษณาออนไลน์ของ Google ที่ช่วยให้ธุรกิจสามารถแสดงโฆษณาบนหน้าผลการค้นหา (Google Search), YouTube, เว็บไซต์พันธมิตรในเครือข่าย Google และแอปต่าง ๆ โดยสามารถกำหนดกลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ และวัดผลการโฆษณาได้อย่างแม่นยำ ทำให้เป็นเครื่องมือที่นิยมในการเพิ่มการเข้าถึงและยอดขาย.
การโฆษณาแบบ CPC (Cost-Per-Click) หรือ PPC (Pay-Per-Click) คือ รูปแบบการโฆษณาที่ผู้ลงโฆษณาจะจ่ายเงินเมื่อมีผู้คลิกโฆษณาเท่านั้น ไม่คิดค่าบริการจากการแสดงผล ซึ่งช่วยให้สามารถควบคุมงบประมาณและวัดผลได้ชัดเจน โดยนิยมใช้กับแพลตฟอร์มอย่าง Google Ads และ Facebook Ads.
ระยะเวลาในการเห็นผลจาก Google Ads ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ประเภทแคมเปญ กลุ่มเป้าหมาย งบประมาณ และคุณภาพของโฆษณา แต่โดยทั่วไป:
- แคมเปญ Search (ค้นหา): อาจเห็นผลภายใน ไม่กี่วันถึง 1 สัปดาห์ หากตั้งค่าถูกต้องและกลุ่มเป้าหมายชัดเจน
- แคมเปญ Display / YouTube / Remarketing: อาจใช้เวลา 2–4 สัปดาห์ ในการเก็บข้อมูลและปรับประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ผลลัพธ์ที่ชัดเจนและต่อเนื่องมักต้องใช้เวลา อย่างน้อย 1–3 เดือน พร้อมการปรับปรุงโฆษณาอย่างสม่ำเสมอเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ.
วิธีการเขียนข้อความโฆษณา Google Ads ที่มีประสิทธิภาพ มีหลักสำคัญดังนี้:
✅ 1. ใส่คำค้น (Keywords) ในข้อความ
ใช้คำค้นหลักที่กลุ่มเป้าหมายมักใช้ค้นหา เช่น “จองโรงแรมราคาถูก” หรือ “เรียนภาษาอังกฤษออนไลน์” เพื่อให้โฆษณาเกี่ยวข้องและดึงดูดผู้ค้นหา
✅ 2. เน้นจุดเด่นหรือข้อเสนอพิเศษ
บอกให้ชัดว่าผู้ใช้จะได้อะไร เช่น
ส่งฟรีภายใน 1 วัน
ลดสูงสุด 50%
ทดลองใช้งานฟรี
✅ 3. กระตุ้นให้เกิดการคลิก (Call-to-Action)
ใช้คำที่ชัดเจนและเร่งให้ตัดสินใจ เช่น
จองตอนนี้
สมัครฟรี
ดูรายละเอียดเลย
✅ 4. ใช้ภาษากระชับและน่าเชื่อถือ
เขียนให้เข้าใจง่าย น่าเชื่อถือ และตรงประเด็น ไม่เยิ่นเย้อ เช่น
“เรียน TOEIC ออนไลน์ เริ่มต้นเพียง 999 บาท สมัครวันนี้ – เรียนได้ทันที”
✅ 5. ทดลองและปรับปรุง (A/B Testing)
สร้างหลายเวอร์ชันของข้อความเพื่อนำไปทดสอบว่าแบบไหนได้ผลดีที่สุด แล้วปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง
การทำให้โฆษณา Google Ads ติดอันดับ 1 (หรือแสดงบนสุดของหน้าผลการค้นหา) ไม่ได้ขึ้นอยู่แค่ “ใครจ่ายแพงกว่า” เท่านั้น แต่ Google ใช้ระบบประมูล (Ad Auction) ที่พิจารณาหลายปัจจัยร่วมกัน โดยคุณสามารถเพิ่มโอกาสให้โฆษณาแสดงอันดับสูงได้ด้วยวิธีต่อไปนี้:
✅ 1. ปรับปรุง Quality Score (คะแนนคุณภาพ)
Google ให้คะแนนโฆษณาแต่ละชุด (1–10) โดยพิจารณาจาก:
ความเกี่ยวข้องของโฆษณากับคำค้นหา
ประสบการณ์ของหน้า Landing Page
อัตราการคลิก (CTR) ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น
ยิ่งคะแนนสูง ยิ่งมีโอกาสแสดงอันดับสูง แม้จ่ายน้อยกว่าคู่แข่ง
✅ 2. ใช้ คำค้น (Keywords) อย่างตรงจุด
ใช้ คำค้นที่ตรงกับเจตนาในการค้นหา (Intent) เช่น "ซื้อรองเท้า Nike ผู้ชาย" แทนคำกว้าง ๆ อย่าง "รองเท้า"
จัดกลุ่มคำค้นให้เฉพาะเจาะจงในแต่ละกลุ่มโฆษณา (Ad Group)
✅ 3. เขียนโฆษณาให้น่าสนใจและคลิกง่าย
ใส่ ข้อเสนอชัดเจน เช่น ส่วนลด / โปรโมชั่น
ใช้ Call-to-Action เช่น “สั่งซื้อเลย” “สมัครฟรี”
ทดลองหลายเวอร์ชัน (A/B Testing)
✅ 4. สร้างหน้า Landing Page ที่ดี
โหลดเร็ว
รองรับมือถือ
ตรงกับสิ่งที่โฆษณาสัญญาไว้
มีเนื้อหาคุณภาพและชัดเจน
✅ 5. ตั้งราคาเสนอ (Bid) ให้เหมาะสม
ใช้ Smart Bidding เช่น Maximize Conversions หรือ Target CPA
หากเน้นอันดับ 1 จริง ๆ ให้ใช้กลยุทธ์ Target Impression Share โดยเลือก "อันดับบนสุดของหน้า"
✅ 6. ใช้ส่วนขยายโฆษณา (Ad Extensions)
เพิ่มข้อมูล เช่น ลิงก์เพิ่มเติม, เบอร์โทร, แผนที่ หรือโปรโมชัน เพื่อเพิ่มพื้นที่แสดงผลและคะแนนคุณภาพ
หากไม่แน่ใจว่าวิธีดังกล่าวข้างต้นเหมาะกับธุรกิจคุณหรือไม่ ให้ผู้เชี่ยวชาญจากเรา ช่วยดูแลปัญหานี้ได้ ติดต่อเราที่ช่องติดต่อเรา ได้เลย
พร้อมวางกลยุทธ์การลงโฆษณา Google Ads กับเรา?
ติดต่อเพื่อรับคำปรึกษาเบื้องต้นฟรี!